ระบบราชการ 4.0 กับการพลิกโฉมงานด้านความมั่นคงของ กอ.รมน.

สำนักพัฒนาระบบบริหาร กอ.รมน.

บทนำ

ในยุคที่สังคมไทยต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันจากพัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างก้าวกระโดด (Disruptive Technology) ส่งผลให้เกิดปัญหาการพัฒนาขีดความสามารถในการเรียนรู้ของคนไทยที่จะไปได้ทันกับข้อมูลข่าวสารจำนวนมากและเข้าถึงได้ง่ายในโลกออนไลน์ ซึ่งผลที่ตามมาจากนั้นก็คือ ความล้าหลังในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงกระบวนการคิดและทักษะในการทำงานใหม่ๆ ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กระทบกับความรู้สึกของประชาชนที่คาดหวังให้ภาครัฐมีศักยภาพในการแก้ปัญหาได้สูงขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 761 ที่บัญญัติไว้ว่า “รัฐพึงพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และงานของรัฐอย่างอื่นให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รวมตลอดทั้งพัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีทัศนคติเป็นผู้ให้บริการประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไม่เลือกปฏิบัติและปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ” รัฐบาลได้กำหนด "ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0" เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังกล่าว โดยกำหนดให้มี "การปฏิรูประบบราชการ 4.0"2 กำหนดการปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการทำงานใหม่เพื่อให้สามารถเป็นที่เชื่อถือ ไว้วางใจ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดยเน้นการทำงานที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พัฒนาให้มีขีดความสามารถและสมรรถนะการทำงานสูงขึ้นและมีความทันสมัย ความสำเร็จของการพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0 จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก การสานพลังระหว่างภาครัฐและส่วนอื่น ๆ ในสังคม ประการที่สอง การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และการปรับตัวเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล และประการที่สาม ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องได้รับการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิด (mindset) ให้เป็นผู้ประกอบการสาธารณะที่มี ขีดความสามารถ โดยเพิ่มทักษะการทำงานที่จำเป็น และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันจะช่วยให้สามารถแสดงบทบาทของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างคุณค่าสาธารณะและประโยชน์สุขให้แก่ประชาชน

การปฏิรูประบบราชการ 4.0 ดังกล่าวเป็นโจทย์ท้าทายประการหนึ่งต่อการพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ด้วยเช่นกัน ในอันที่จะปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน บทบาทหน้าที่ การสร้างนวัตกรรม และองค์ความรู้ เพื่อต่อยอดงานด้านความมั่นคงให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดได้ กอ.รมน. ในฐานะองค์กรหลักในการบูรณาการ อำนวยการ และประสานการปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตระหนักถึงความท้าทายดังกล่าว จึงขอนำเสนอแนวคิดการปฏิรูประบบราชการ 4.0 ของ กอ.รมน. เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติต่อไป

อะไรคือระบบราชการ 4.0

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) พิจารณาเห็นว่า ระบบงานราชการไทยในปัจจุบันถูกท้าทายจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงาน เช่น ความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการบริการจากภาครัฐอย่างรวดเร็ว กระแสของเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันในปัจจุบันที่ถาโถมเข้ามา ล้วนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงาน ระบบราชการจึงต้องพัฒนาตัวเองอย่างชนิดที่เรียกว่า “พลิกโฉม” จากระบบที่ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะเข้ามาติดต่อทำธุรกรรมปัญหาการคอรัปชั่นที่ก่อให้เกิดความไม่เชื่อถือ ระบบราชการจำเป็นต้องปรับบทบาทให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศไทย3 ที่ว่า “ประเทศไทยต้องมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการทำงานให้สอดรับกับบริบทดังกล่าว โดยต้องทำงานยึดหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก โดยระบบราชการต้องพัฒนางานราชการให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ มีผลงานที่จับต้องได้ และหากมีหน่วยงานที่มีภารกิจในการให้บริการที่คล้ายคลึงกัน ต้องสามารถบูรณาการความร่วมมือ และงบประมาณในการทำงานด้วยกันได้ ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการรับบริการของประชาชน

การเป็นภาครัฐที่เป็นพึ่งของประชาชนและเชื่อถือไว้วางใจได้อย่างแท้จริงในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลนั้น ภาครัฐต้องปรับตัวและพลิกโฉมเข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐสู่สังคมดิจิทัลภาครัฐต้องมุ่งเน้น "ความคล่องตัว" เพื่อขับเคลื่อนภารกิจพิเศษ (Agenda-based) และนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพลิกโฉมหน่วยงานภาครัฐสู่ระบบราชการ 4.0 (Government 4.0 หรือ Gov. 4.0)4 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้กลไกการพัฒนาระบบราชการมีการปรับตัวต่อความท้าทายใหม่ๆ อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับนานาประเทศ และยังเป็นการยกระดับสมรรถนะของหน่วยงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ภาพที่ 1 ระบบราชการ 4.0


ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ


จากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่า ระบบราชการต้องเป็นที่ที่พึ่งของประชาชนและเชื่อถือไว้วางใจได้ โดยหน่วยงานต้องมีการเปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกัน ทั้งทางด้านข้อมูลที่เปิดโอกาสบุคคลภายนอกเข้าถึงข้อมูลได้ มีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ เน้นการมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงาน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีการทำงานเชิงรุก แก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนโดยไม่ต้องได้รับการร้องขอจากประชาชน หน่วยงานต้องมีขีดสมรรถนะที่สูงและทันสมัย มีการวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันเวลา รวมถึงต้องเป็นหน่วยงานที่มีความทันสมัย และสามารถสร้างให้ข้าราชการมีความผูกพันต่อการปฏิบัติราชการ และปฏิบัติหน้าที่ได้เหมาะสมกับบทบาทของตน การส่งมอบบริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนที่ต้องการงานที่ถูกต้อง รวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากได้

สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ใช้แนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ มาขับเคลื่อนระบบ ราชการ 4.05 ด้วยการนำมาเชื่อมโยงกับเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ที่ใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงองค์การ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการเชิงบูรณาการที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งเชื่อมโยงกับคุณลักษณะ 3 มิติของระบบราชการ 4.0 ตามภาพที่ 2 ดังนี้

ภาพที่ 2 ความเชื่อมโยงของ PMQA กับระบบราชาร 4.0


ที่มา: การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ PMQA 4.0, สำนักงาน ก.พ.ร.


เกณฑ์ PMQA มีทั้งหมด7หมวด โดยในแต่ละหมวดจะสอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ดังนี้

หมวด 1 การนำองค์การ ซึ่งสอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 มิติที่ 1 ภาครัฐจะต้องเปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกัน ในการที่ผู้นำองค์การต้องมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะ และมีนโยบายที่เปิดเผยข้อมูล มีความโปร่งใส

หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ สอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ใน 2 มิติ ได้แก่ มิติที่ 1 ภาครัฐจะต้องเปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกันโดยเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ขององค์การที่สำคัญ และ มิติที่ 3 การมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัยในการปรับรูปแบบการทำงานให้มีความทันสมัย นำเอาเทคโนโลยีที่สำคัญมาช่วยในการปรับปรุงการทำงาน

หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ในมิติที่ 2 การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยต้องเข้าใจความต้องการของประชาชนที่มีความหลากหลายได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้รับกับความต้องการของประชาชน

หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ สอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ใน 2มิติ ได้แก่ มิติที่ 1 ภาครัฐจะต้องเปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกัน โดยเน้นในประเด็นการเปิดเผยข้อมูล การให้เข้าถึงข้อมูลของหน่วยงาน การใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานเป็นสำคัญ และมิติที่ 3 การมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัยเน้นการปรับองค์การให้มีความทันสมัยด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) เพื่อนำมาวางแผนแก้ไขปัญหาภายในองค์การได้

หมวด 5 การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคลสอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ใน 2 มิติ ได้แก่ มิติที่ 2 การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นให้บุคลากรในองค์การทำงานเชิงรุก สามารถแก้ไขปัญหาเพื่อพัฒนางานตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทันท่วงที และมิติที่ 3 การมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัยโดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถและมีคุณธรรม นอกจากนี้องค์การสามารถเชิญบุคลากรที่มีความรู้มาในการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนให้แก่ประชาชนได้

หมวด 6 การจัดการกระบวนการ สอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ใน 3 มิติ ได้แก่มิติที่ 1 ภาครัฐจะต้องเปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกันโดยเป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงานทุกกระบวนการสามารถเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ มิติที่ 2 การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเป็นการออกแบบงานตามแนวคิดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานเพื่อให้ประหยัดเวลาและต้นทุนในการทำงาน และมิติที่ 3 การมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัยโดยเน้นการนำเอาเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการประหยัดเวลาและต้นทุน โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ สอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 ใน 2 มิติ ได้แก่ มิติที่ 2 การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมิติที่ 3 การมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย โดยการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของงาน บรรลุเป้าหมาย เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นไปตามความต้องการของประชาชน

นอกจากนี้ ยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร เทคโนโลยี Cloud Big data Robotics Machine Learning AI และอื่น ๆ ที่นำมาช่วยในการพัฒนาการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็ว แต่การพัฒนาเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดที่ทำให้บุคลากรในองค์การพัฒนาตนเองไปไม่ทัน ย่อมทำให้เกิดจากสภาวะ Digital disruption หากหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในประเด็นดังกล่าว อาจถูกทำให้หยุดชะงักในยุคนี้ได้ หน่วยงานภาครัฐจึงต้องปรับปรุงบทบาทหน้าที่ ทบทวนภารกิจของหน่วยงานว่าสอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้หรือไม่ และต้องสร้างนวัตกรรม รวมถึงส่งต่อองค์ความรู้ที่สำคัญแก่บุคลากรรุ่นต่อไป ดังนั้น สิ่งที่องค์กรควรให้ความสำคัญสูงสุดในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็คือ บุคลากรในองค์การ ที่ต้องมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ตระหนักรู้ในการพัฒนาตนเอง พัฒนางาน พัฒนาองค์การให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การประยุกต์ใช้แนวคิดระบบราชการ 4.0 กับภารกิจของ กอ.รมน.

จากแนวคิดระบบราชการ 4.0 ดังกล่าว กอ.รมน. ในฐานะเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐในการอำนวยการ ประสานงาน ปฏิบัติการและกำกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐที่เกี่ยวข้องรวมถึงขับเคลื่อนแผนแม่บทย่อยด้านการรักษาความสงบภายในประเทศและแผนแม่บทย่อยด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงและแผนแม่บทในภาพรวมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในระดับชาติ ซึ่งปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงในปัจจุบันมีความหลากหลายและมีความซับซ้อนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ จึงอาจทำให้ภารกิจด้านความมั่นคง ดูเป็นเรื่องไกลตัวของประชาชน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนอย่างมาก การนำแนวคิดระบบราชการ 4.0 มาประยุกต์ใช้ กอ.รมน.ต้องมีการปรับบทบาทใหม่เพื่อนำเสนอการทำงานให้สามารถ “เข้าถึง” ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผลสูงขึ้น เช่น ในปัจจุบันมีการปล่อยข่าวลือ (Fake News) เพื่อโจมตีทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยทางแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่แพร่หลายอย่างรวดเร็ว และประชาชนขาดความตระหนักรู้ อาจเชื่อไปโดยง่าย หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องมีแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างทันท่วงที ด้วยการใช้ศักยภาพทางเทคโนโลยีในการระงับยับยั้งไม่ให้มีการเผยแพร่ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจ ความจงรักภักดีแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง ซึ่งการทำงานในลักษณะดังกล่าว ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ด้วยการนำข้อมูลมาใช้งานร่วมกัน มีการวางแผนและการคาดการณ์ในการรับมือปัญหา ร่วมถึงทำงานเชิงรุก เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูล ที่ถูกต้อง จัดการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว รวมถึงใช้ศักยภาพของบุคลากรในองค์การให้สอดคล้องกับหน้าที่ จากตัวอย่างที่ยกมานี้ การทำงานเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชน ผ่านช่องทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย กอ.รมน. จะต้องใช้เกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA4.0) มาเป็นเครื่องมือประเมินสถานะขององค์การ ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับยุทธศาสตร์ชาติ 4.0 หรือไม่ โดยสามารถตรวจระบบการบริหารขององค์การในเชิงบูรณาการทั้งระบบ ซึ่งพิจารณาได้ดังนี้

หมวด 1 การนำองค์การ พิจารณาว่า ทั้งวิสัยทัศน์และแผนยุทธศาสตร์ว่าเชื่อมโยงพันธกิจ การสร้าง ความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การมีส่วนร่วมทั้งภายในและภายนอกองค์การ รวมถึงการคำนึงถึงผลลัพธ์ขององค์การว่ามีผลกระทบต่อสังคมอย่างไร

หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ พิจารณาว่า องค์การมีแผนยุทธศาสตร์ที่ท้าทาย และมีนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับพันธกิจและยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่ การบูรณาการแผนงานที่สามารถขับเคลื่อนไปทุกภาคส่วนได้ รวมถึงการตรวจสอบ การติดตาม การแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ

หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พิจารณาว่า การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น การเข้าถึงระบบข้อมูลสารสนเทศขององค์การ การประเมินผล ความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การให้บริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล รวมถึงการแก้ไข ข้อร้องเรียนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างรวดเร็ว

หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ พิจารณาว่า การกำหนดตัววัดเพื่อติดตาม การทำงาน โดยนำเอาข้อมูลที่เก็บได้มาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา และเก็บเป็นฐานข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยี มาวิเคราะห์เพื่อนำมาใช้เป็นองค์ความรู้ขององค์การต่อไป

หมวด 5 การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล พิจารณาว่า การสร้างระบบพัฒนาบุคลากรให้ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์และสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม มีระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น คล่องตัว พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มีวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นความร่วมมือร่วมใจ สร้างความตระหนักในหน้าที่ และมีค่านิยมที่รักการเรียนรู้ ในสิ่งใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

หมวด 6 การจัดการกระบวนการ พิจารณาว่า กระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำว่ามีผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์หรือไม่ มีการปรับปรุงกระบวนการทำงานและสร้างนวัตกรรม เพื่อลดต้นทุนในการใช้ทรัพยากรเพื่อให้การทำงานขององค์การมีประสิทธิภาพ

หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ เป็นหมวดที่สำคัญที่จะพิจารณาถึงการวัดการทำงานทั้ง 6 หมวด เพื่อสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการกระบวนการ การพัฒนา สร้างเป้าหมายที่สำคัญ การแก้ไขปัญหาที่จะบรรลุเป้าหมายของผลลัพธ์ได้ดีมากขึ้น

การประเมินองค์การโดยใช้ PMQA4.0 เป็นการมองในภาพรวมของการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ซึ่ง กอ.รมน. เองจะต้องเน้นย้ำในบทบาทหน้าที่ขององค์การให้ชัดว่า องค์การมีหน้าที่ในการตอบสนองพันธกิจและยุทธศาสตร์ชาติอย่างไร และมีแผนที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากรที่จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีได้ ดังนั้น การพัฒนาทักษะของบุคลากรที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีจะเป็นการสร้างบุคลากรให้เป็นทรัพย์สินที่มีค่า หากได้รับการพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

Reskill & Upskill: สร้างและเสริมทักษะการทำงานที่ทันสมัยให้คน กอ.รมน.

แม้ว่าปัจจุบัน กอ.รมน. อยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างใหม่ และเปลี่ยนบทบาทจากผู้ปฎิบัติด้านงานความมั่นคงมาเป็นผู้ให้คำแนะนำ (Coaching) ในส่วนของมาตรการ แผนงาน/โครงการ จึงยังอยู่ในขั้นของการพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อระบบโครงสร้างใหม่รวมทั้งระบบราชการ 4.0 เพื่อให้เกิดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ กอ.รมน. ควรต้องพิจารณาเตรียมการปรับแก้เป็นสิ่งแรก คือ การปรับบทบาทและการสร้างแนวคิดความตระหนักถึงการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลให้กับบุคลากร ซึ่งมีวิธีการหนึ่งที่สำคัญในการปรับบทบาทของบุคคลากรเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลในการทำงานยุคปัจจุบัน คือการ “Reskill และ Upskill” การ Reskill6 หมายถึง “การเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนของกำลังพล เช่น การจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล การทำงานแบบ Agile การใช้นวัตกรรมต่างๆ เพื่อสามารถทำงานอย่างสอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดจนแนวโน้มการทำงานที่จะเป็นไปในอนาคต” สำหรับการ Upskill หมายถึง “การพัฒนาทักษะเดิมที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งมากขึ้นให้สามารถปรับใช้ในบริบทใหม่ที่เกิดขึ้นได้” จากบริบทดังกล่าวแล้ว การ “Reskill และ Upskill” ถือเป็นประเด็นสำคัญที่บุคลากรต้องมีความเข้าใจและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างขององค์การภาคเอกชนไทยที่มีการพูดถึงการ “Reskill และ Upskill” เช่น ฤทัย สุทธิกุลพานิชผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวในงาน "การอัพเกรดทักษะทรัพยากรคนภายในองค์กรท่ามกลางวิกฤติดิสรับชัน” ไว้อย่างน่าสนใจว่า “เราควรจะปรับตัวเองทุก 4-5 ปี ทำให้คนเรียนรู้ตลอดเวลา และโตไปพร้อมกับบริษัทได้ หาสกิลคนของเรา หาเครื่องมือใหม่ๆ มาพัฒนาให้เข้ากับเป้าหมายนอกจากนี้ควรจะหยุดคำว่า “ไม่รู้ ไม่ได้ ไม่เป็น” และพยายามทำให้เกิดการเข้าถึงความรู้ หาทางทำอย่างไรให้คนไทยสามารถ Reskill และ Upskill ที่เป็นที่ต้องการในอนาคตได้” อีกหนึ่งความคิดเห็นจากกลุ่มธุรกิจด้านการเกษตร ดร.ศรายุธ แสงจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานการเงิน บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ได้กล่าวว่า "สังคมเปลี่ยนโลกเปลี่ยนถ้ายึดการพัฒนาคนแบบเดิมจะไม่สามารถขยายผลได้ ถ้าเอาเทคโนโลยีมาใช้จะทำให้องค์กรเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น และทำให้พัฒนาประเทศได้ในที่สุด” จากตัวอย่างแนวความคิดของสองบริษัทภาคเอกชนข้างต้น จะเห็นได้ว่า ทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งมีค่า การปรับเปลี่ยนองค์กรให้สอดคล้องกับกระแสเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เกิดความสำเร็จได้นั้น ต้องพึ่งพาบุคลากรเป็นสำคัญ

ดังนั้น กอ.รมน. ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการปรับเปลี่ยนองค์การให้สอดคล้องกับระบบราชการ 4.0 โดยใช้การประเมินองค์การโดยใช้เกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA 4.0) เป็นเครื่องมือ และสอดคล้องกับแนวคิด Balanced Scorecard (BSC) ที่ใช้ในการประเมินองค์การเพื่อปรับกลยุทธ์ขององค์การ ซึ่งองค์ประกอบของ BSC 4 มุมมอง ได้แก่ มุมมองด้านการเงิน (Financial Perspective) ที่พิจารณาว่าหากองค์การจะประสบความสำเร็จด้านการเงิน ผู้บริหารจะต้องทำอย่างไร มุมมองทางด้านลูกค้า (Customer Perspective) พิจารณาถึงการบริหารกิจการให้บรรลุเป้าหมายขององค์การว่าต้องทำอย่างไร มุมมองทางด้านกระบวนการภายใน (Internal Business Process) พิจารณาถึงการจัดการภายในที่มีคุณภาพที่ทำให้ผู้บริหาร และผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจทำอย่างไร โดยใช้เกณฑ์คุณภาพ (Quality), ระยะเวลาในการผลิตสินค้าและบริหาร (Response Time), ต้นทุน (Cost), และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด (New Product Introduction) และมุมมองทางด้านการเรียนรู้และพัฒนา (Learning and Growth) พิจารณาจากแนวทางที่พัฒนาและปรับปรุงองค์การเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ยั่งยืน โดยตรวจสอบจากความพึงพอใจการทำงานของบุคลากร และระบบข้อมูลสารสนเทศ กอ.รมน. จำเป็นต้องผนึกแนวทางการจัดการและองค์ความรู้ทั้งสามประเด็นดังกล่าวแล้วนั้นเข้าด้วยกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นองค์การตามแนวคิดระบบราชการ 4.0 ให้ได้ สิ่งสำคัญที่ กอ.รมน. ควรเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายของการ “Reskill และ Upskill” ภายใน กอ.รมน. คือ การให้บุคลากรของ กอ.รมน. มีทักษะที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และสอดคล้องกับการนำองค์การไปสู่การเป็นระบบราชการ 4.0 นั้น คือ ควรมีการพิจารณาระบุแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากร โดยวิเคราะห์ถึง “ทักษะที่จำเป็น” ยุคใหม่ของบุคลากรของทุกหน่วยงานอย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรที่เหมาะสมในการฝึกอบรม เพื่อสร้างทักษะที่จำเป็นเหล่านั้นให้อยู่ในยุคดิจิทัล และเป็นไปตามแนวคิด Reskill & Upskill โดยให้เหมาะสมกับระดับของบุคลากร

บทสรุป

เมื่อเทคโนโลยีดิจิตัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน ภาครัฐจำเป็นต้องพัฒนาให้เท่าทันและมีวิสัยทัศน์ ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมแล้วด้วยการกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปภาครัฐ 4.0 อีกทั้งในบริบทของสังคมมีความตื่นตัวในการสร้างและเสริมทักษะใหม่ๆ ให้แก่คนทำงานที่เรียกว่า "reskill & upskill" บุคลากรใน กอ. รมน. ก็ย่อมจำเป็นที่จะต้องตื่นตัว และพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงแนวคิดและกระบวนการทำงานให้พร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายของการปฏิรูประบบราชการ 4.0 ดังกล่าว ด้วยการสำรวจถึงทักษะที่จำเป็นของกำลังพลทุกหน่วยงานในการพัฒนาไปสู่กระบวนการทำงานที่ทันสมัยในยุคดิจิตัล การกำหนดหลักสูตรการอบรมที่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ ตลอดจนการกำหนดแผนงาน/โครงการ ในการพัฒนาหน่วยให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบราชการ และการประเมินหน่วยงานด้วยระบบ PMQA4.0 เพื่อยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการให้เทียบเท่ามาตรฐานสากลต่อไปด้วย


เอกสารอ้างอิง

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560. ราชกิจจานุเบกษา134 (6 เมษายน 2560) : หน้า 19

2. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. ระบบราชการ 4.0. [Online]. 2561 แหล่งที่มา https://www2.opdc.go.th/uploads/files/2560/ThaiGov4.0_2.pdf สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563

3. สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561 – 2580 (ฉบับประกาศราชกิจจานุเบกษา) (กรุงเทพฯ:,2561),หน้า 4

4. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. ประเทศไทย 4.0 - ระบบราชการ 4.0. [Online]. 2561 แหล่งที่มา https://opdc.go.th/file/reader/MVl8fDQyfHxmaWxlX3VwbG9hZA สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563

5. ธนาวิชญ์ จินดาประดิษฐ์. การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ PMQA 4.0 [Online]. 2560 แหล่งที่มา https://www.opdc.go.th/file/reader/dXx8Mzk2OXx8ZmlsZV91cGxvYWQ สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563

6. Bottom line. RESKILL ทางรอดคนทำงานยุคดิจิทัล ขยันอย่างเดียวไม่พอถ้าอยากมีที่ยืนในโลกทำงานยุคใหม่ต้องหมั่นเสริมทักษะเพื่อก้าวข้ามการดิสรับชันของยุคสมัยที่มาแบบหายใจรดต้นคอ [Online]. 2562 แหล่งที่มา https://bottomlineis.co/Business_Work_Career_Reskill_Corporate สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563

7. ทฤษฎีองค์การและการจัดการเชิงกลยุทธ์ชั้นสูง [Online]. 2555 แหล่งที่มา http://promrucsa-dba04.blogspot.com/2012/10/bsc.html?m=1 สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563

Image Image Image Image Image Image Image